วันนี้ขอมาตั้งข้อสันนิฐานเกี่ยวกับนิทานเรื่องตลาดการค้าสุนัขออนไลน์
ยินดีต้อนรับสู่นิทานเรื่อง “ตลาดบ๊อกบ๊อก” นะครับ
บ๊อกบ๊อก คือ ตลาดซื้อขายสุนัขดิจิตอลแห่งหนึ่ง เปิดให้ทำการซื้อขายสุนัข 24 ชั่วโมง ไม่เว้นวันหยุด โดยเปิดให้ซื้อขายเฉพาะกลุ่มสุนัขสายพันธ์ุยอดนิยม ซึ่งการบริการของ “บ๊อกบ๊อก” คือสร้างระบบจับคู่คนซื้อ และคนขายสุนัข โดยไม่ให้เจอหน้ากัน
“บ๊อกบ๊อก” มีระบบเทรดแบบอิเลกทรอนิก เช่นเดียวกับตลาดหุ้น ที่บอกจำนวนสุนัขที่มีคนมาฝากขายไว้ทั้งหมด พร้อมกับราคาเสนอขาย ในขณะที่คนซื้อก็สามารถเสนอราคา (Proposal / Offer) สำหรับสายพันธุ์ที่ตนต้องการ เพียงแค่ระบุจำนวนของสุนัขที่ประสงค์จะซื้อหรือขาย แล้วส่งข้อมูลมาที่ระบบของ บ๊อกบ๊อก หรือ “บ๊อกบ๊อกเทรด”
“บ๊อกบ๊อกเทรด”
ระบบ”บ๊อกบ๊อกเทรด” อาจบอกว่า มีลาบราดอ 5 ตัว ราคาตัวละ 10 บาท คนไหนอยากได้ 5ตัว ให้ฝากเงิน 50 บาทมาที่บ๊อกบ๊อก และสามารถส่งคำสั่งซื้อได้เลย โดยบ๊อกบ๊อกจะรับดูแลสุนัขที่ถูกทำรายการซื้อขายเสร็จสิ้นแล้วที่สำนักงานของบ๊อกบ๊อก โดยจะขึ้นตัวเลขไว้ใน”บ๊อกบ๊อกเทรด” ว่ามีสุนัขที่รับฝากไว้ จำนวนเท่าไร
หากบ๊อกบ๊อก บริหารแบบตรงไปตรงมา บ๊อกบ๊อกจะมีค่าใช้จ่ายพอสมควรเลยทีเดียว เนื่องจากรายได้ของบ๊อกบ๊อกมีแค่ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากผู้ใช้งานบ๊อกบ๊อกเทรดเมื่อมีการซื้อหรือขายเท่านั้น (เก็บทั้งจากผู้ซื้อและผู้ขาย) แต่การที่บ๊อกบ๊อกรับฝากสุนัขไว้ มีค่าใช้จ่ายคือผู้ดูแล อาหารสัตว์ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าทำความสะอาด และอื่นๆ
(บรรทัดจุดประเด็น)
บ๊อกบ๊อกจึงคิดแผนการอันแสนชาญฉลาดขึ้น เพราะบ๊อกบ๊อกมองว่ายังไงคนซื้อสุนัขต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะมารับสุนัขกลับไป คนซื้อก็ไม่เคยเห็นคนขายอยู่แล้ว เห็นแค่ตัวเลขกับราคาที่เสนอขายในระบบเท่านั้น แถมบางคนยังบอกกับบ๊อกบ๊อกอีกว่า ถ้าหากมีคนต้องการหรือสามารถขายต่อได้ในราคาที่ดี ก็จะขอฝากขายต่อเลยโดยไม่ต้องขับรถมารับกลับไปด้วยซ้ำ
บ๊อกบ๊อกเห็นโอกาสทองคำในการสร้างบัญชีซื้อขายของตัวเองขึ้นมา แล้วเสกตัวเลขจำนวนสุนัขขึ้นมาในบัญชีของตน จากนั้นตั้งค่าให้ระบบ AI robot ส่งคำสั่งเสนอขายสุนัขที่ตนไม่ได้มีอยู่จริงไปบนระบบ”บ๊อกบ๊อกเทรด”ทันที เกิดการซื้อขาย จับคู่กันแบบ real-time โดยผู้ซื้อไม่รู้เลยสักนิดว่าตนถูกหลอกขายอากาศ เพราะออเดอร์ฝั่ง bid ที่เสนอขายในระบบไม่ใช่มาจากเจ้าของสุนัขจริงๆ และไม่ได้มีสุนัขจริงๆ และด้วยความที่เป็นตลาดดิจิตอล บ๊อกบ๊อกจึงโปรแกรมระบบซื้อขายนี้ได้อย่างชาญฉลาด ผ่านการศึกษาพฤติกรรมการเทรดและราคา พร้อมกับเทียบราคาจากตลาดข้างเคียงบ้างเป็นครั้งคราว เพื่อไม่ให้การเทรดโดยระบบ เกิดความเสียหาย
บ๊อกบ๊อกจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว แบบก้าวกระโดด สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ ลงโฆษณา ประชาสัมพันธ์ในสื่อชั้นนำ และบนป้ายโฆษณาทั่วเมือง เพราะเป็นตลาดซื้อขายที่มีสุนัขหลากหลายสายพันธุ์ให้เลือกซื้อ และผู้คนก็นิยมมาช๊อปปิ้งบ บ๊อกบ๊อกเทรด เพราะมีสภาพคล่องสูง มีผู้ซื้อและผู้ขายจำนวนมาก แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
เกิดความกังวลเรื่องโรคระบาดที่ทำให้สุนัขเสียชีวิต ทำให้ผู้ซื้อสุนัขบางส่วนที่ทำรายการซื้อสำเร็จและได้ฝากสุนัขของตนไว้ที่บ๊อกบ๊อกเกิดความไม่สบายใจ ซึ่งมีอยู่สองกลุ่มใหญ่ๆ กลุ่มแรก ตื่นตระหนก เพราะสุนัขบางสายพันธุ์ที่ตนซื้อมานั้นมีราคาสูงขึ้นกว่าตอนที่ซื้อมามาก และเกรงว่าบ๊อกบ๊อกจะดูแลได้ไม่เต็มที่เนื่องจากรับฝากสุนัขไว้มาก จึงขอให้บ๊อกบ๊อกนำสุนัขมาส่งให้ ส่วนกลุ่มที่สอง กลับคิดว่าหากขายสุนัขที่ตนฝากไว้แทนที่จะรับกลับไปเลี้ยง แล้วค่อยกลับมาซื้อใหม่ตอนราคาลดลงมาแล้วนั้น น่าจะดีกว่า คนทั้งสองกลุ่ม จึงล๊อกอินเข้าสู่ระบบ บ๊อกบ๊อกเทรดเพื่อส่งข้อความให้บ๊อกบ๊อกดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของแต่ละคน
แต่….บ๊อกบ๊อกเทรด “ปิดการให้บริการชั่วคราว” ใช่แล้ว บ๊อกบ๊อกต้องปิดสำนักงานซื้อขายด้วย และปิดช่องทางการติดต่อทั้งหมดชั่วคราว
อ่าวเห้ย….ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นนะหรือ? ก็เพราะบ๊อกบ๊อกไม่เคยมีสุนัขที่เสนอขายคนทั้งสองกลุ่มนั้นตั้งแต่แรกไงหละ (ย้อนกลับไปดู “บรรทัดจุดประเด็น”)
ทั้งนี้ ก็เพราะบ๊อกบ๊อกคาดว่าตลาดมีขึ้นก็ต้องมีลง เมื่อคนซื้อที่ราคาแพง สุดท้ายราคามันต้องตกลงมาบ้าง เช่นบ๊อกบ๊อกขายสุนัขแบบไม่มีสุนัขไป 10 ตัว ในราคาตัวละ 10 บาท และได้เงินมาแล้ว 100 บาท ฝ่ายบริหารบ๊อกบ๊อกคาดการณ์ไว้ว่า คนที่ซื้อ10 ตัวนี้คงยังไม่ขาย หรือยังไม่มารับกลับไปในเร็ววันแน่ๆ และอีกไม่นาน บ๊อกบ๊อกก็สามารถไปหาซื้อสุนัข 10 ตัวนี้จากตลาดอื่นได้ในราคาตัวละ 5 บาท ได้กำไรตั้งเท่าตัว รอสักสองอาทิตย์ค่อยไปซื้อมาเก็บไว้ก็ได้ แถมยังไม่ต้องเสียค่าอาหารในการเลี้ยงสุนัขเหล่านี้ฟรีๆ ในช่วงเวลานี้อีกด้วย
แต่เพราะเกิดเรื่องไม่คาดคิด คือโรคระบาด สุนัขล้มหายตายจากไปเยอะมาก ทำให้ปริมาณสุนัขลดลง และราคาสุนัขเพิ่มขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้บ๊อกบ๊อกหาสุนัขมาคืนให้กับผู้ซื้อไม่ได้ และเป็นที่มาของการปิดตลาดชั่วคราว โดยบอกว่า”ระบบไฟฟ้าขัดข้อง” นั่นเอง
The story, all names, characters, and incidents portrayed in this note are fictitious. No identification with actual persons (living or deceased), places, buildings, entities, companies, products, or services is intended or should be inferred. Any similarity to actual persons, living or dead, and /or any organizations is purely coincidental.