จุดระเบิดโดยท่านศาสดา Elon Musk, Clubhouse App จึงได้แจ้งเกิดอย่างไม่เป็นทางการไปทั่วโลก รวมถึงในไทย (แอพเป็นอะไร ทำงานยังไง ไปอ่านจากแหล่งอื่นนะครับ) ผมเองได้ลงทะเบียนสมัครไปตั้งแต่เดือน กันยายน ปีที่แล้ว แต่เข้าไม่ได้เพราะไม่มี Invite
ความสนุกเกิดขึ้นจากการที่พี่พอล์ล แห่ง Gobi Partners ส่ง invitation มาให้ ที่สุดท้ายแล้วกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการโต้รุ่ง ร่วมกับ กลุ่มคนที่เรียกได้ว่าเป็น The Best Mind of Thailand
ได้เข้าไปอยู่ในหลายๆห้อง ได้รับและแบ่งปันหลายๆไอเดีย และเป็นที่แหล่งแลกเปลี่ยนมุมมองและแชร์ความคิดเห็นกับ High Profile ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของ หรือ ผู้บริหารของบริษัทชั้นนำต่างๆ ของประเทศ อย่างคุณหญิงสุดารัตน์ก็ยอมรับว่าติดอย่างงอมแงม กลายเป็นแพนด้าเพราะอยู่จนถึงดึกมากๆมาหลายวัน
ด้วยความที่เป็น Invitation Only โดยผู้ก่อตั้งและกลุ่มนักลงทุน VC ที่ลงทุนในการพัฒนาแอพนี้ จึงทำให้แอพนี้เกิดขึ้นจากกลุ่ม tech และค่อยๆขยายวงไปยังความสนใจอื่นๆ ซึ่งสำหรับในไทยแล้ว สาย marketing กำลังเป็นกลุ่มที่ได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ จากการที่มี Top Marketer ดังๆของประเทศหลายท่านมาร่วมกลุ่มเสวนาอย่างไม่เป็นทางการในเวลาเดียวกัน แลกเปลี่ยน ความคิดต่างๆมากมาย
จุดนี้เองที่ผมมองว่า หาก Influencer โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่ม Youtuber นั้นน่าจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก (ผมมองต่างจากหลายๆคนที่มองว่า สิ่งนี้จะมาเปลี่ยนและเป็น Disruptor ของผู้ผลิต Podcast Content) นั่นก็เพราะว่า Youtube เป็นการสื่อสารแบบทางเดียวหรือเป็น Contentที่ผ่านการเตรียมการ วางแผน และตัดต่อมาแล้ว ดูไม่เป็นธรรมชาติ อีกทั้งยูทูปยังเป็น Content ที่มีภาพประกอบ การเสพคอนเทนต์ที่ดื่มด่ำคือการเปิดดูและฟังไปในขณะเดียวกัน แต่หากเป็นการฟังอย่างเดียว Podcast Content ดูจะเข้าถึงคนได้มากกว่า ในเวลาที่นานกว่า หากแต่การจับคนเก่งๆมานั่งคุยกันในรายการเดียวหรือ Podcast เดียว นั้นยากกว่าการให้ความอิสระในการเข้ามาร่วมวงและเสรีในการเลือก Topic ที่สนใจ เพราะการเลือกคุยในเรื่องใดเรื่องหนึ่งอาจไม่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่อยากได้ Content ที่ Real และ Honest ในระยะเวลาอันสั้นได้
ในข้อดีก็มีข้อเสียและความท้าทาย เพราะปัจจุบันแบรนด์ และ Influencer ที่ Hook-on มาบน Platform กำลังคิดหาวิธีการหาเงิน กอรปกับข้อจำกัดของ content ที่เป็น Real-time จึงเข้าถึงกลุ่มคนได้จำกัด คือเฉพาะคนที่เข้ามาฟังสดในตอนนั้นๆ ซึ่งทำให้กลุ่มเป้าหมายไม่ได้ใหญ่มาก
แต่ถ้ามองอีกมุม เราสามารถมอง Clubhouse เป็นห้องประชุมในการแลกเปลี่ยนและหาไอเดียเพื่อวางกลยุทธ์ต่อยอดธุรกิจแบบจับมือกัน และเดินไปด้วยกัน แทนการจ้างที่ปรึกษา ซึ่งทุกคนเอาเวลาและความรู้มาแลกกัน แทนการเอาเงินเพื่อมาแลก (จ้าง) กลุ่มคนดังกล่าว